บทความเพื่อการเรียนรู้สำหรับบุคคลทั่วไป

บทความถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญา
สงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่ ดัดแปลง หรือคัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความก่อนได้รับอนุญาต

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ประมวลภาพ ค่าย "อยู่กับลูกให้สนุก กลุ่มสอง" บ้านผู้หว่าน

ค่ายอยู่กับลูกให้สนุก  ผ่านไปแล้ว
ทุกคนได้ความผ่อนคลาย และพลังใจ
กลับไป "เล่นให้สนุก"ต่อที่บ้าน

จึงนำภาพการเรียนรู้  มาช่วยเตือนความจำ

ฉุกคิด หน่วงใจ ได้สติ และรอยยิ้ม เมื่อได้กลับมาแวะเวียนดู


ระฆังดัง..  แก๊ง !


























วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Reflection จากผู้เข้าอบรม

จากกระทู้ ในบอร์ดมหิดล
 http://www.cf.mahidol.ac.th/floortime/autopage/main.php?board=000261&topboard=2&id_g=1&h=5

ความคิดเห็นที่ 55 โดนสายป่าน
ก่อนเข้าค่าย ก็ไม่คิดว่าจะได้อะไรจากค่ายอยู่กับลูกให้สนุก
ด้วยคิดเสมอว่า การที่เราจะเปลี่ยนความคิด มุมมอง

 สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวเรา
ถ้าเราเปลี่ยนตัวเราเองไม่ได้
ก็คงไม่มีอะไรมาเปลี่ยนได้

เมื่อรู้สึกทุกข์กับปัญหาเรื่องลูก
ก็มุ่งอยู่แต่ว่า ต้องเพิ่มเวลาที่อยู่กับลูก
 เลยไม่ยอมไปไหน กลัวเสียเวลา
พอเลิกงานก็มุ่งแต่กลับบ้าน
 เลิกแวะเวียนนอกเส้นทาง
 ถ้าอยากไปซื้อของหรือไปไหนที่พอเอาไปด้วยได้
ก็จะต้องแวะกลับไปรับลูกก่อน
 จนแทบจะห่างกันเฉพาะตอนไปทำงาน
หรือเข้าห้องน้ำเท่านั้นกระมัง

ด้วยคิดเสมอว่า หน้าที่ในการเลี้ยงลูกควรเป็นของแม่
ถึงมีตายาย ช่วยดูให้
ก็ไม่ควรปล่อยให้เขาต้องรับภาระนั้นตลอดเวลา

เมื่อเพิ่มเวลาให้แล้ว ปัญหาที่มีอยู่ก็ดูไม่ลดลง พยายามหาทางออก โดยหาความรู้เพิ่ม
หนังสือเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็ก จิตวิทยาเด็กไม่รู้กี่เล่ม
 กองพูนสูงขึ้นทุกที ท่องเว็บก็วนเวียนอยู่แต่เรื่องนี้
แต่ปัญหาต่างๆ ก็ดูวนเวียนอยู่อย่างนั้น ไม่เบาลงเลย

จนถึงจุดที่ว่าเมื่ออยู่ด้วยกัน ก็ทะเลาะกันเพิ่มขึ้น
จนถึงจุดที่อยากหนีจากปัญหาต่างๆ เลยตัดสินใจมาค่าย
คิดแค่ว่า ขอพักจากปัญหาสักหน่อยก็แล้วกัน

วันแรก ก็ยังคิดอยู่ว่า จะเสียเวลาเปล่าไหมนี่
 ถ้าอยู่บ้านก็ยังได้เล่นกับลูกนะ
 แต่ตอนนี้ได้พัก ก็สบายใจดีเหมือนกัน

แต่เมื่อวันผ่านไป กิจกรรมผ่านไป
 เริ่มรู้สึกว่า เออ นี่ไง ที่เป็นปัญหา
 จริงๆแล้วมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

เมื่อค่ายจบ ก็เล่าไม่ถูกว่าได้อะไรจากค่าย
แต่ประสบการณ์ที่ได้รับจากค่าย
 ก็ช่วยคลี่คลายปัญหา ที่ก่อนหน้า รู้สึกว่าไม่มีทางแก้ ไม่มีทางออก
ช่วยให้มองเห็นว่าจริงๆ แล้วมีทางออกอยู่


เมื่อเราเปลี่ยนมุมที่มอง เปลี่ยนความคิด การกระทำที่ตัวเรา
ได้เห็นว่ามุมมองของตัวเองที่เปลี่ยนไป
 ความคิดของตัวเองที่เปลี่ยนไป

โดยที่การเปลี่ยนนี้ไม่ได้เกิดจากการที่บังคับตัวเองให้ต้องเปลี่ยน
 แต่มันเปลี่ยนไปเอง โดยที่ยอมรับการเปลี่ยนนั้น
ช่วยให้เราเข้าใจในสิ่งที่ลูกเป็นอยู่ สิ่งที่ลูกแสดงออกมากขึ้น
บางเรื่องราวเหมือนมีอะไรบังตา บังใจอยู่


อ่านหนังสือก็แล้ว ขอคำแนะนำจากครูไปปรับใช้กับลูกก็แล้ว
มันก็ไม่ได้สักที ไม่เข้าใจสักที

 แต่จากกิจกรรมในค่าย เมื่อผ่านการคิด
ทบทวน ว่าได้อะไรจากกิจกรรมนั้น
หลายประเด็นที่เมื่อครูชี้ให้มองอีกครั้ง คิดอีกครั้ง
พบว่าได้เจอทางออกของปัญหาที่เคยคิดว่าทำไมแก้ไม่ได้สักที
ช่วยให้เราเข้าใจในตัวเราและลูกมากขึ้น
 ทำให้การอยู่กับลูกสนุกขึ้นจริงๆ
http://www.cf.mahidol.ac.th/floortime/autopage/main.php?board=000261&topboard=2&id_g=1&h=5
แบ่งปัน โดยแม่น้องแจ๊ค
อยากแบ่งปันว่าตอนที่จะมาค่ายนี้ คาดหวังมากว่าจะได้เครื่องมือต่างๆเอาไว้ไปใช้ตอนอยู่กับลูก เมื่อค่ายจบ
มันไม่ได้เครื่องมือ แต่มันได้เลือดเนื้อ ได้สมอง ได้ส่วนที่เรายังขาด ยังเว้าแหว่ง
 ถ้าเปรียบคงเหมือนคนที่ แข็งแรง สมบูรณ์
และ smart ขึ้น รวมถึงตระหนักในสิ่งที่ผ่านๆมาที่เราได้คิดว่าเราได้ทำฟลอไทม์ไป มีผิดถูกขาดเกินอย่างไร
และได้ถึงบางอ้อ ในบางอย่างที่มันติดขัด หรือ ทำไมอย่างนั้นอย่างนี้ พูดแบบชัดๆคือ เหมือนดวงตาเห็นธรรม
ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณ ครูพบและทีมงาน ที่จัดค่ายนี้ขึ้นมา
 ทำให้ภาพที่เคยนึกคิดมันชัดเจนเห็นจริงได้ลงมือทำ ได้รู้สึกอย่างแท้จริง 
จากกิจกรรมที่ทางค่ายตั้งใจเซทขึ้นมา และให้เราได้ทบทวนเสมอ
ต้องขอบคุณกัลยาณมิตรที่กรุณาพาลูกๆมา
ทั้งลูกเล็ก และลูกโต (แต่ตัว) มุมมองความคิดเห็นต่างๆที่เราแบ่งปันกันเป็นประโยชน์มาก
และจากตัวอย่างมีชีวิตเหล่านี้ โดยเฉพาะลูกๆที่มาเข้าร่วม
 โดยมีครูพบ คอยไกด์ ชี้แนะ นำทาง ชี้จุดที่พวกเรา มองข้าม มองไม่เห็น ไม่รู้สึก
 ตรงนี้ที่เป็น สิ่งที่สำคัญมากสำหรับตัวเอง 
เพราะปกติ เราทำฟลอไทม์ไป เราไม่เห็น ทั้งจุดบกพร่องของตัวเอง ไม่เห็นวิธีการ สังเกตลูกไม่ทัน ตีบตัน ฯลฯ
 หลายๆเหตุผลที่เรามักจะพบเวลาเราไปทำ FT กับลูก 
เมื่อกลับบ้าน ได้นำตัวอย่างตรงนี้มาใช้ ลูกพูดความรู้สึกว่า ‘ตื่นเต้น’ ออกมาเอง แบบเป็นความรู้สึกของตัวเค๊าเอง
 ทั้งที่เราก็ ทำงานอารมณ์เรื่องนี้มานานแล้ว
 แต่ทุกทีมันแค่เหมือนลูกตอบตามที่เราสะท้อนอารมณ์เท่านั้น
 และในเหตุการณ์เดียวกันนี้ ก็ได้สังเกตเห็นว่า การเล่นบางขณะลูกตื่นเต้นมากระบบเค๊าไวมาก
 เค๊าเลือก ผู้เล่นที่เบา ตัวละครที่ไม่เร้าเค๊ามาก ที่เค๊าพอรับไหว จากเดิมเราไม่ได้สังเกตเห็นจุดนี้ เน้นสนุกสนานไป
 นี่ละ มาจากค่ายคราวนี้โดยแท้ ก็เล่นแบบเดิมแหละ
 แต่วิญญาณเราเปลียนไป สมองคิด วิเคราะห็ ละเอียดมากขึ้น ก็จากตัวอย่างที่ได้เห็น ได้ทดลองทำในค่าย
ถึงตรงนี้ก็ต้องขอบคุณตัวละครทุกๆตัวในค่าย 
รวมถึงผู้กำกับการแสดงด้วยค่ะ
 แหม!ถ้าลืมๆกันไปบ้างก็ขอระบุหน่อย พวก จระเข้ กิ้งก่า ตุ๊กตาสูบลม ม้า ลาทั้งหลายนั่นแหละ